“มองผมแบบนั้น .. เคลิ้มกับผมแล้วอ่ะดิ”
รอยยิ้มดูดีที่ยกขึ้นกวนๆ จากที่ทำหน้านิ่งๆปกติ
พอคุณสิงโตมันยักคิ้วหลิ่วตา ส่งเสียงกวนประสาทน่าหมั่นไส้แล้วก็..
ผมยกมือขึ้นดันหน้าอีกคนให้หันไปทางอื่นด้วยความหงุดหงิดกับสายตาเจ้าชู้นั่นยังไงบอกไม่ถูก
เฮอะ ดูดีตายล่ะ!
ถึงแม้ในความเป็นจริงก็ไม่อยากจะเชื่อว่า ยิ่งยิ้มแบบนั้นและเพราะนิสัยแบบนั้น
เสน่ห์ของผู้ชายคนนี้ดูจะเพิ่มมากขึ้นอีกเป็นทวีคูณ
“หลงตัวเอง”
“หึหึ แล้วคริสล่ะ หลงผมรึยัง”
เขาจับมือผมที่ดันหน้าเขาออกไว้ได้ในเสี้ยวนาที
ทั้งที่คิดว่าตัวเองเร็วแล้วแท้ๆ แต่ก็ไม่เคยทันไอ้พวกมากเล่ห์
คนไม่สำนึกยังจะหัวเราะกวนๆ แววตาคู่นั้นก็ยังไม่เลิกจ้องมองมา
ไม่แค่จ้องตากันอย่างเดียวแล้วคราวนี้
ดวงตาคู่คมเริ่มใช้สายตากวาดมองจากใบหน้า ลำคอ มองลงต่ำไปทั้งตัวก่อนส่งสายตาขึ้นมามองกันอีกรอบ
“คริสว่า.. ระหว่างทำงานให้เสร็จ กับทำการบ้านให้เสร็จ อะไรสนุกกว่ากัน”
.. ไอ้คุณสิงโตมัน..
โรคจิต!
“จะทำอะไรก็ทำ! เสียเวลา”
ผมเอ่ยบอกปัดๆ ไม่รู้ทำไมยิ่งเห็นไอ้คุณสิงโตทำหน้าทะเล้นเหมือนพอใจเวลาโดนผมด่า
ยิ่งไม่อยากจะพูดดีๆด้วยให้ได้ใจเอาซะเลย
“อูยย ใจร้อนเหรอคนดี .. ของแบบนี้ ใครเขาอยากจะรีบๆทำล่ะ”
ป่วยการจะต่อล้อต่อเถียงด้วย
ไม่รู้ว่าผมทำหน้าแบบไหนใส่เขาไปหลังประโยคนั้น เพราะคุณสิงโตมันก็เอาแต่หัวเราะร่า
ไม่รู้รึไง พวกที่เขามาม่านรูดกัน ในเวลาอันจำกัดแบบนี้ ทำๆไปให้เสร็จไม่คิดมาก
.. พวกลูกค้าก็แบบนี้กันทุกคน
แต่อาจจะเว้นคนมากปัญหาไว้คนหนึ่ง ข้อต่อรองเยอะเหลือเกิน ใช้เวลาคุ้มเหลือเกิน
“ผมยังอยากเห็นคริสทำหน้าตาท่าทางแบบนี้อีกนานๆทั้งคืน”
“แบบนี้มันแบบไหน”
อดถามออกไปด้วยความสงสัยไม่ได้
ในเวลาแบบนี้ที่ไม่เคยคิดตั้งคำถาม
อยู่ๆผมก็หลุดกลายเป็นคนไม่ปกติ ทำตัวเหมือนกับเขาไปซะได้
ในเวลาแบบนี้ .. ทำไมยังทำอะไรเสียเวลาอยู่กับบทสนทนาไร้สาระ
ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
รู้ตัวอีกที ก็ตอนที่ผมยังกระพริบตาปริบๆรอฟังคำตอบ
รอจนอีกฝ่ายโน้มตัวลงมาใกล้ ริมฝีปากอุ่นปัดผ่านข้างแก้ม ไล่ไปยังริมฝีปากที่ตอนนี้ห่างกันแค่ไม่กี่เซ็น
“แบบที่ .. มองแต่ผมคนเดียวไง”
สัมผัสอุ่นร้อนกดลงบนเรียวปาก ผมปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ
ช่างเถอะ
ยังไงก็ห้ามคนเอาแต่ใจไม่ได้อยู่แล้ว
ปล่อยตามใจ
แม้กระทั่งครั้งนี้ที่เขาพยายามแตะลิ้นจะรุกล้ำเข้ามา
ผมคงต้องโทษตัวเองที่เผลอหงุดหงิดจนเผยอริมฝีปากออกให้เรียวลิ้นอุ่นร้อนส่งเข้ามาหยอกเย้า
“อือ”
จุ๊บ จุ๊บ
ผมยกมือขึ้นสอดลูบผมสีดำสนิทของคุณสิงโตอย่างหยุดตัวเองไม่ได้
ไม่รู้อะไรสั่งให้ทำแบบนั้น
อาจจะเป็นเพราะรอยยิ้มกวนประสาทนั่น ที่ทำให้เผลอไป ไม่อยากจะนอนเฉยๆให้เขารังแก
คงจะเป็นแบบนั้น ล่ะมั้ง
เนิ่นนานซักพักที่อีกฝ่ายถอนปากออกให้เราทั้งคู่ได้กอบโกยเอาอากาศหายใจ
“อืมม คริส”
เสียงทุ้มที่ติดจะสั่นด้วยแรงอารมณ์ปรารถนาเอ่ยแผ่วๆ
และเพราะผมขี้เกียจจะฟังหรือไม่ก็กลัวเขาจะพูดถามอะไรที่ตอบไม่ได้
..สิ่งที่ผมยังตอบตัวเองไม่ได้เลยว่าทำไม
ตอนนี้ถึงได้.. ใจเต้นแรงแบบนี้
ทั้งที่เราก็ทำแบบนี้กันมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
ผมรีบเอามือที่จับเส้นผมเขาออก เร็วจนดูมีพิรุธเกินปกติ
เอ่ยออกไปเท่าที่พอจะนึกได้ .. ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันพูดอะไรออกมา
..จะยิ้มอะไรนักหนาวะไอ้คุณสิงโต
“พูดมากน่า”
ส่งเสียงหงุดหงิดกลบเกลื่อน
กระชากคอเสื้อเขาเข้ามาใกล้แล้วประกบจูบกั้นเสียงน่ารำคาญ
..ผมหลับตาลง รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวเกินกว่าจะทนมองหน้าเขาได้
รู้ก็แต่ว่า .. รสจูบหวานๆเคล้าราคะในตอนแรก เหมือนจะยิ่งทวีความรุนแรงให้มัวเมายิ่งขึ้นไปอีก
เสียงครางต่ำๆ อย่างพึงพอใจ สลับกับเสียงหอบยามที่เราผละออกจากกันเล็กน้อยก่อนจะฉกชิมครั้งแล้วครั้งเล่า
หลายต่อหลายครั้ง มันทำให้ผมสมองขาวโพลนแทบคิดอะไรไม่ออก
“อืออ”
แฮ่ก แฮ่ก
“คุณสิงโต .. ห..หยุดก่อน”
“ขออะไร ยากจังครับ”
มือแกร่งเลื่อนลงต่ำอย่างชำนาญ แม้ปากจะหยอกล้อประกบจูบพรากลมหายใจกันอยู่แบบนั้น
เขาก็ยังสามารถปลดกางเกงผมลงมาได้อย่างง่ายๆในเวลาอันรวดเร็ว
เสื้อที่ใส่อยู่ก็เหมือนกัน
ผมยกมือดันอกอีกฝ่าย ดันตัวเองไว้ ไม่เชิงต่อต้านแค่รู้สึกไม่สบายตัวตอนที่ถูกดึงเสื้อออกไปอย่างมึนงง ตอนไหนไม่ทราบได้
รู้สึกตัว กลับมามีสติอีกทีก็ตอนที่มือผมปัดไปโดนโน้ตบุ๊คข้างตัวจนหน้าจอที่เปิดอ้าอยู่พับลงมาปิดสนิท
ฟึ่บ
.. ดีแค่ไหนที่แค่ปิดจอ ไม่หล่นลงเตียงไปตามชิ้นส่วนเสื้อผ้าที่ลงไปกองกระจัดกระจายบนพื้นพวกนั้น
“อุ๊บ เกเรจังครับ ไม่อยากให้ผมทำงานก็บอก ดีนะเนี่ย เซฟงานแล้ว”
เขาเอ่ยหยอกๆ เอามือเลื่อนดันโน้ตบุ๊คให้ห่างออกไปอีก เห็นแบบนั้นผมก็อดกวนกลับบ้างไม่ได้
“ทำใหม่ก็ได้นี่กลัวอะไร เก่งไม่ใช่เหรอ นีกว่าใช้เงินแก้ปัญหาได้ทุกอย่างซะอีก”
“แต่คนเก่งๆอย่างผมก็มีอย่างนึงที่ทำไม่ได้นะ”
“...”
ผมไม่ตอบอะไร ปล่อยให้อีกฝ่ายเบียดตัวเองคลอเคลียจนเราสองคนแทบไม่มีอากาศผ่าน
เขาพึมพำโดยไม่มองหน้า
“ยอมแพ้เรื่องคริสไม่ได้ซักที”
.
.
จ๊วบ จุ๊บ
“...”
ความรู้สึกวาบหวามปนเจ็บจี๊ดแล่นริ้ว ตอนที่เรียวปากขบเม้มสร้างรอยรักไม่รู้กี่รอย และดูจะไม่หยุดง่ายๆจนผมต้องเอ่ยปากท้วง
“คุณสิงโต! บอกว่าอย่าทำตรงนั้นไง”
“ทำไมล่ะครับ”
.. ยังจะมีหน้ามาถาม..
“ก็เดี๋ยวพ่อผม..”
ผมกำลังจะด่าเขา แต่พอนึกไปถึงว่าคนอย่างคุณสิงโตถ้ามันรู้มันจะยิ่งได้ใจรึเปล่า
..ถ้ารู้ว่าพ่อผมกำลังสงสัยว่าลูกค้าคนนี้มัน ไม่เหมือนพวกลูกค้าปกติ..
ฮึ่ย
“?ทำไมนะครับ”
คนก้มหน้าก้มตาทำรอย เงยหน้าขึ้นมองตาวิบวับ
“ไม่มีอะไร เอาเป็นว่า อย่าทำสูงขนาดนั้น อ.. โอ๊ย..คุณสิงโต!”
ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เมื่อไอ้คนกวนตีนกดปากลงตรงจุดเหนือบริเวณที่ปกเสื้อจะปิดได้ขึ้นมานิดหน่อย
“ผมบอกว่าอย่าไงเว้ย”
“นี่ไม่เห็นจะสูงซักหน่อย ฮ่าๆ แกล้งเล่นน่า ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวก็จางแล้ว ผมทำเบาๆเอง”
ผมส่งสายตาคาดโทษให้เขา ยกมือขึ้นถูไปมาตรงรอยคิสมาร์กแสบๆ
“ไอ้.. อ๊ะ อือ”
ยังไม่ทันจะอ้าปากด่าซ้ำ คนนิสัยไม่ดีก็ซุกหน้าเข้ากับซอกคอ มืออยู่ไม่สุขเริ่มปัดป่ายลงต่ำยังจุดอันตราย
ผมสะดุ้งเฮือก ร่างกายเริ่มตอบสนองตามธรรมชาติ เมื่อมือเขาเริ่มเล้าโลมถูกจุดจนร่างกายร้อนรุ่มเหมือนถูกไฟความต้องการแผดเผาขึ้นทีละน้อย
พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ส่งเสียงน่าอายออกไป จะนานแค่ไหนก็ยังไม่ชิน
“มองผมสิครับ.. อืม รู้สึกดีไหม อยากได้ยินเสียง”
ได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น พอจะตอบออกไปว่า
ไม่มีทาง..
กลายเป็นว่าคนเจ้าเล่ห์ยิ่งเร่งเร้ามือข้างที่สัมผัสอยู่ตรงส่วนอ่อนไหว ทำเอาผมเผลอครางอืออาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
“ดีไหม”
“อ..อ่า อ๊า”
“หรือมากกว่านี้ดี”
“อืออ จ.. เจ็บ! ออกไปก่อนคุณ”
“ใจเย็นๆ ผมจะค่อยๆเป็นค่อยๆไป”
ความรู้สึกของเรียวนิ้วที่ค่อยๆกดเข้ามาในร่าง
รู้สึกอึดอัดปนเจ็บเสียด แม้ฝ่ามือด้านหน้าและริมฝีปากที่กดจูบปลอบประโลมจะช่วยให้รู้สึกดีก็เถอะ
มันเป็นความรู้สึกที่ .. ไม่ดีเลย
ไม่ดีเลยที่ดันรู้สึกดี
“ผ่อนคลายหน่อย อ่าา.. นี่ขนาดผมยังไม่..”
“อึก..อ.. เบาๆ”
“นี่..ตั้งใจจะฝึกความอดทนกันรึเปล่าครับเนี่ย”
เสียงพร่าปนหอบหายใจหนักๆของคนที่ซุกหน้าอยู่ใกล้ๆ ทำเอาผมต้องขยับบิดตัวไปมาอย่างอึดอัด
ทั้งความรู้สึกแปลกๆที่ก่อตัวขึ้นหนักกว่าเดิม
“คุณสิงโต..”
“อืมม”
“อย่าใกล้”
ผมเอ่ยพึมพำออกไปด้วยเสียงแหบพร่าไม่ต่างกัน
อยากจะยกมือดันอีกฝ่ายให้หยุดซุกหน้าถูไถไปมากกว่านี้แต่เหมือนไม่มีแรงขึ้นมาดื้อๆ
“ไม่ใกล้งั้นเข้าไปเลยได้ไหมครับ”
ถ้านี่เป็นคำขออนุญาต
คงเป็นคำขอที่กวนประสาทที่สุด
.
.
“อ๊ะ อ๊า อ.. ฮ๊า”
“ตรงนี้เหรอครับ”
“...”
ความรู้สึกทรมานปนรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกกำลังแล่นริ้วไปทั่วร่าง
แต่ให้ตายผมไม่บอกออกไปให้คุณสิงโตมันรู้แน่ๆ
“ไม่เหรอ หรือแบบนี้”
แรงกระแทกกระทั้นที่เพิ่มจังหนักหน่วงขึ้นทำเอาผมต้องผวากอดอีกฝ่ายแน่นอย่างไม่รู้ตัว
..กวนตีนกันชัดๆ
พอไม่ตอบ เขาก็ยิ่งเหมือนจะแกล้งกัน
“หรือเร็วกว่านี้”
กึก กึก กึก
เสียงเตียงดังกึกกักเคล้าเสียงสอดประสานกัน
ผมรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิร่างกายที่ร้อนขึ้นของตัวเองจนแทบหลอมละลายตรงนั้น
ยิ่งเขาเบียดร่างเข้ามาแนบชิด มันร้อน..ทั้งร้อน ทั้งอึดอัด รู้สึกดีจนจะหายใจไม่ออก
“คุณสิงโต”
ตอนที่เขากระแทกกายเข้าออกเป็นจังหวะแบบนั้นซ้ำๆจากเนิบช้าค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่รีบร้อน
พอร่างกายเริ่มปรับตัวได้กับความร้อนรุ่มที่สอดใส่เข้ามา
ความเจ็บปวดในตอนแรกมันหายไปเหลือแต่ความรู้สึกเสียวซ่าน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า
..มัน ดี
ลืมไปหมดที่ตั้งใจไว้ว่าจะไม่พูดไม่แสดงอาการให้เขารู้
ไม่รู้ว่าผมเรียกชื่อเขาออกไปทำไมหรือตอนไหน
บังคับตัวเองไม่ได้ตอนที่ยกมือขึ้นขยำศีรษะคนที่คร่อมอยู่บนร่างคลายความ... หงุดหงิด
หาที่ระบาย
อ่า
“รู้สึกดีไหม..”
คำถามซ้ำๆ ที่จะให้ตอบให้ได้ใช่ไหม
ฝันไปเถอะ
รู้สึกดีจริงๆ
จะรู้สึกแบบนี้ไหมถ้าไม่ใช่เขา..
ผมปรือตามองคนที่มองมา ไม่อาจรู้ได้ว่าตัวเองกำลังทำสีหน้าแบบไหนในตอนนี้
รู้ก็แต่สายตาที่มองมานอกจากความลุ่มหลง มันอาจจะมีอะไรอยู่มากกว่านั้น
ไม่รู้ว่าผมมองเขาแบบเดียวกับที่เขามองผมไหมในตอนนี้
ไม่รู้เหมือนกัน
แต่ว่านะ..
ผมมองรอยยิ้มของคนที่ไม่เปลี่ยนไปจากวันแรก
ไอ้คนที่ไม่เคยขอแต่ก็ยังตามวุ่นวายไม่ว่าจะตอนไหน
ไอ้คนที่ทำให้ชีวิตผมต้องสับสนวุ่นวาย
คนที่.. กวนประสาทอยู่ตลอดเวลา กวนสายตา
..กวนใ..
กวนไปหมดทุกอย่างนั่นแหละ
ผมน่ะ..
ไม่น่ามาเจอเขาเลยในวันนั้น
ถ้ารู้ว่าวันนี้
“...”
ผมยกมือขึ้นเกลี่ยปัดผมชื้นเหงื่อของคนที่ร่วมสัมพันธ์ลึกซึ้งกันอยู่ตอนนี้
“พูดมากน่า.. คุณสิงโต”
“ฮ่ะๆ .. ดีจัง คริสตอบคำถามผมซักที”
คำถามบ้าบออะไร..
ผมไปตอบเขาตอนไหนกัน
ผมปล่อยความสงสัยไว้แบบนั้น
ปล่อยตัวเองจมไปกับความรู้สึกดีๆ
ที่น่าจะไม่ใช่ ... แค่เซ็กส์... เหมือนที่ผ่านมา
----อ่านต่อในเด็กดี----